โฆษณาบนโลกออนไลน์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ตอนนี้กลายเป็นช่องทางที่สร้างเม็ดเงินได้อย่างมหาศาล ด้วยจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้นและการการซื้อขายออนไลน์อย่างอิสระ ทำให้ภาครัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างครอบคลุม ดังนั้น กสทช. จึงเตรียมหารือกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีโอทีที (OTT -Over-the-top)  หรือการให้บริการใด ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต

            นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดเผยว่าในช่วงปลายนี้ ประเทศไทยจะร่วมหารือและหาแนวทางในการกำกับดูแลธุรกิจรูปแบบใหม่กับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งประเทศไทยจะมีการเสนอให้จัดเก็บภาษีกับกิจการโอทีที  ทั้งในรูปแบบของนิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม

            หลังจากทางสมาคมโฆษณาดิจิทัล ระบุว่าในปี พ.ศ. 2561 มีเม็ดเงินจากโฆษณาไหลเข้ามาในสื่อดิจิทัลมากถึง 1,400 ดอลลาร์ เติบโตมากถึง 21% เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโฆษณาผ่าน Facebook และ YouTube ด้วยการเปลี่ยนแปลงของวงการโฆษณาส่งผลให้การโฆษณาในรูปแบบเดิมอย่างโทรทัศน์มีเม็ดเงินที่ลดลงเฉลี่ย 10% ต่อปี

            ดังนั้นการเติบโตของวงการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ กสทช. ต้องการหาแนวทางในการจัดเก็บภาษีอย่างจริงจัง เพราะว่าในปัจจุบันไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีกับกิจการโอทีที แต่มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ใช้บริการโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น เนื่องจากแพลตฟอร์มขนาดใหญ่เหล่านี้มากจากผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ในการนำเงินมาพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เหตุผลหลัก ๆ เพื่อกำหนดนโยบายที่ยุติธรรมต่อการดำเนินธุรกิจและคุ้มครองผู้บริโภคให้รู้เท่าทันสื่อ หากการจัดเก็บภาษีโอทีทีเกิดขึ้นจริง แพลตฟอร์มออนไลน์และการโฆษณาคงต้องมีการปรับเปลี่ยนไม่มากก็น้อย

ที่มา : ไทยรัฐ, โพสต์ทูเดย์, มติชน

คำที่เกี่ยวข้องภาษาไทย :
จดโดเมน,เว็บไซต์, ออนไลน์, ภาษี,ยื่นภาษี

คำที่เกี่ยวข้องภาษาอังกฤษ : 
internet related services, web conferencing solution, Certificate Authority (CA) Total Solution,Domain register